Wednesday, April 22, 2015

รางวัล

การให้รางวัลเด็กเป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่ง อย่าว่าแต่เด็กเลย กับผู้ใหญ่เองก็สำคัญมากเหมือนกัน อย่างเช่นว่า ถ้าเราเห็นคนทำกระเป๋าเงินหล่น เราเก็บไปคืนเจ้าของ รางวัลที่ได้มาเป็นคำขอบคุณหรือบางทีเป็นเงินนิดหน่อยเป็นค่าตอบแทนที่นำมาคืน แต่ถ้าเราไม่ได้รางวัลละ หรือยิ่งไปกว่านั้นกลับเป็นคำต่อว่า แล้วเราจะยังอยากเก็บกระเป๋าเงินไปคืนเขามั้ย? เช่นเดียวกับเด็ก สิ่งที่พวกเขาอยากได้คือรางวัล แต่รางวัลนั้นจะเป็นอะไร ต้องพิจารณาจากเด็กแต่ละคน รางวัลนั้นอาจจะเป็น ของกิน, คำชม, ของเล่น, หรือเวลาพัก ฯลฯ แรกๆฉันเลือกที่จะใช้ขนมเป็นของรางวัล บางทีใช้ลูกเกด บางทีใช้ลูกกวาดเล็กๆ แต่ทุกครั้งก่อนที่จะให้ ฉันจะชมเขา ถ้าเขาทำได้โดยฉันไม่ต้องช่วย ฉันจะชมเขามากเป็นพิเศษ มากในที่นี้ไม่ได้หมายถึงหลายครั้งแต่หมายถึง ชมอย่างน่าตกใจ กอดเขาหรือไฮไฟว์กับเขาด้วยความภาคภูมิใจ แล้วค่อยๆลดของรางวัลลงแต่เพิ่มคำชมให้มากขึ้น อาจทำได้โดยการใช้กระดานรางวัล จากที่ลูกได้รางวัลทุกๆครั้งที่ทำได้ เขาก็จะได้เป็นเหรียญหรือแต้มแทน ถ้าเขาทำได้ครบตามที่กำหนดเขาก็จะได้รางวัลนั้น จากนั้นฉันก็เพิ่มจำนวนเหรียญให้มาขึ้นจาก 5 เป็น 8 แล้ว 10 แล้ว 15 จากที่เป็นของกิน ก็เป็นของเล่นหรือเวลาพัก ฉันทำกระดานรางวัลไว้หลายแบบ เพื่อไม่ให้เขาจำเจ มีกระดานอันหนึ่งที่ลูกชอบมากเป็นพิเศษ เป็นกระดานที่ฉันวาดเป็นสนามรถแข่ง แล้วตัดรูปรถประมาณแปดรูปแล้วเคลือบพลาสติก ติด Velcro เมื่อเขาทำได้ฉันให้รถเขา 1รูป ให้เขาแปะลงบนสนามแข่งเอง พอเขาทำได้โดยไม่ต้องช่วย ฉันให้เขา 2-3รูป จนถึงเส้นชัย เขาได้รางวัลที่เขาต้องการ
ตัวอย่างกระดานรางวัล1
ตัวอย่างกระดานรางวัล2
ตัวอย่างเหรียญรางวัล






วิธีรักษาโรคออทิสซึ่ม
ของเล่นสำหรับเด็กออทิสติก
ติดตามเรื่องราวกันต่อที่ Facebook




Monday, April 20, 2015

จัดตารางการสอน

ฉันนั่งหลับตาจินตนาการถึงลูกในเหตุการ์ณปกติในบ้าน แล้วจดไว้ได้ความว่า
ตื่น เดินมาใกล้ พูดว่า "I want milk" นั่งดื่มนม นมหมดวิ่งไปวิ่งมาหลังโซฟา กระโดดๆวิ่งๆ บอกให้นั่งลงอ่านหนังสือด้วยกัน ร้องไห้ ตะโกน "SIT" โขกหลังหัวกับพื้น สักพักใหญ่ถึงยอมนั่งลง นั่งบนตัก ขณะอ่านหนังสือให้ฟังทำเสียง อิอี จิจี ถามว่าอันนี้เรียกว่าอะไร อันนี้อยู่ไหน ก็ไม่ตอบ เหมือนมองไปทางอื่น ไม่ได้มองที่หนังสือ ลุกขึ้นบอก "I want milk"
ขณะที่คิด ความรู้สึกเหนื่อยล้ามันก็เกิดขึ้น รู้สึกเหมือนต้องการสูดออกซิเจนให้เข้าไปในปอดลึกๆ ให้คาร์บอนไดออกไซด์มันออกมาให้หมดตัว แล้วฉันก็หลับตาจิตนาการอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันวาดภาพในสิ่งที่ฉันอยากเห็นอยากให้เป็น ได้ความว่า
ตื่น เดินมามองที่ฉันแล้วพูดว่า "Mommy, I want to drink milk, please" นมหมด นั่งเล่นของเล่นที่พื้น บอกถึงเวลาอ่านหนังสือด้วยกัน เดินมานั่งข้างๆ ถามว่าอันนี้อะไร อะไรอยู่ไหน ตอบได้ ชี้ได้ สนุกในการใช้เวลาด้วยกัน
จากนั้นฉันนั่งวิเคราะห์ ว่าฉันต้องการอะไรจากเหตุการ์ณทั้งสองเหตุการ์ณนี้
- อยากให้พูดได้เต็มประโยค
- อยากให้เวลาพูดใช้สายตามองที่คนที่พูดด้วย
- อยากให้นั่งนิ่งๆ ทำงานหรือเล่นได้คนเดียว
- อยากให้ใช้คำพูดเพื่อแสดงอารมณ์ โดยเฉพาะเวลาไม่พอใจ
- อยากให้ตอบคำถามหรือแสดงท่าทีตอบกลับ
- อยากให้สนใจหรือติดตามเนื้อเรื่องในหนังสือและโทรทัศน์
จากนั้นฉันก็เรียงลำดับ สิ่งไหนที่น่าจะมาก่อนหรือหลัง ได้ลำดับดังนี้
1. นั่งนิ่ง
2. มองหน้าคนพูด
3. ติดตามเนื้อเรื่อง
4. ตอบคำถาม
5. พูดเต็มประโยค
6. ใช้คำพูดแสดงอารมณ์
เริ่มต้นจากเช้า ฝึกนั่งนิ่ง 30วินาที - 1นาที ประมาณ 1 - 3ครั้ง พักประมาณ 5 - 10นาที ระหว่างครั้ง
ฝึกมองหน้าคนพูด 5 - 10ครั้ง ใน 1รอบ พักประมาณ 30วินาที - 1นาที ระหว่างครั้ง
ฝึกติดตามเนื้อเรื่อง 1ครั้ง
ฝึกตอบคำถาม 3 - 10ครั้ง (สามารถฝึกได้ทุกที่)
ช่วงบ่าย ทำเช่นเดียวกัน
ณ ตอนนี้ฉันคิดว่าลูกยังไม่พร้อมกับการฝึกพูดเต็มประโยคและฝึกใช้คำพูดแสดงอารมรณ์ เพราะฉะนั้นจะข้ามไปก่อน

วิธีรักษาโรคออทิสซึ่ม
ของเล่นสำหรับเด็กออทิสติก
ติดตามเรื่องราวกันต่อที่ Facebook

Sunday, April 19, 2015

การยอมรับ

คิดว่าการเรียนรู้แต่เพียงที่บ้านนั้นยังไม่เพียงพอ โรงเรียนเลยเป็นสถานที่สำคัญที่ต้องให้ลูกเผชิญ ไปโรงเรียนได้อาทิตย์แรก คุณครูก็เรียกพบเพราะอยากพูดคุยถึงความกังวลที่คิดว่าน่าจะมีอะไรผิดปกติกับลูกของเรา และแน่นอนว่าฉันปฏิเสธความกังวลของพวกเขาไปด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับความผิดปกติในรูปแบบต่างๆของวัยนี้ พบได้ว่าบางสิ่งบางอย่างมันตรงกับลูกของเราไม่มากก็น้อย และอาการเหล่านี้ก็เริ่มมากขึ้น ถึงกับไม่สามารถขวบคุมได้ บอกกับลูกว่ามานั่งอ่านหนังสือกัน เขานั่งได้ประมาณ10วินาที ก็กระโดดตัวขึ้นวิ่งไปมา พอมีการบังคับให้นั่งลง เขาก็มีอาการต่อต้านโดยกรี้ด ร้อง โขกหัวลงพื้น ยังงัยก็ไม่ยอมกันเลยทีเดียว
ผ่านปีการศึกษาชั้นเด็กเล็ก มาถึงชั้นเตรียมอนุบาล เพียงแค่เดือนเดียวครูก็เรียกพบ คราวนี้ให้เหตุผลที่ว่าเขารบกวนการเรียนของเด็กคนอื่น ความรู้สึกของฉันลึกๆในครั้งนี้เริ่มที่จะยอมรับได้ แต่คำพูดที่กล่าวออกไปกับครูที่นั่นแสดงถึงความไม่ยอมรับในสิ่งที่เขากล่าวหา เพราะอะไรหนะหรือ อาจเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ค่อยให้เกียรติฉันกับครอบครัวเสียเท่าไร ฉันจึงตัดสินใจเอาลูกออกจากโรงเรียนนี้ แต่ก่อนออกฉันเข้าไปทวงเงินค่าเทอมลูกคืน หึหึ ด้วยความไม่พอใจที่เขาไม่ให้เกียรติเรา ทางโรงเรียนบอกว่าให้คืนไม่ได้ฉันเป็นคนเอาลูกออกเอง ฉันจึงบอกเขาว่า แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร ในเมื่อคุณบอกว่า ทางโรงเรียนไม่สามารถรับลูกฉันเรียนที่โรงเรียนนี้ได้ ในที่สุดเขาก็ยอมรับว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นไม่ถูกต้อง จึงให้เงินคืนในส่วนหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน การยอมรับของฉันช่วยผลักดันตัวฉันเองให้ค้นคว้าหาแบบการเรียนการสอนที่เฉพาะเจาะจงเพื่อเด็กพิเศษ แล้วก็ได้เจอระบบการสอนแบบตัวต่อตัว ฉันฝึกฝนวิธีการสอนในตอนดึก เช้ามาก็เริ่มสอนลูก การเลือกหัวข้อที่จะนำมาสอนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี ฉันต้องนั่งนิ่งๆปิดตาแล้วนึกภาพลูกมองว่าเขากำลังทำอะไร แล้วนึกอีกทีในสภาวะเดียวกันแต่จริงๆแล้วฉันอยากให้ลูกทำอะไร พอนึกได้แล้วฉันก็จดใส่กระดาษ แล้วนั่งวิเคราะห์ว่าจุดไหนควรจะเริ่มเป็นอย่างแรกแล้วอะไรถัดมา เป็นลำดับๆไป พูดได้เลยว่าต้องใช้ความใจเย็นอย่างสูง ใครก็ตามที่กำลังอ่านบทความนี้และตกอยู่ในสภาวะที่คล้ายคลืงกันกับกรณีของฉัน ฉันขอเป็นกำลังใจให้อย่างที่สุด ยากลำบากอย่างไรเราจะเดินไปด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบ
ติดตามเรื่องราวในปัจจุบันและรับข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่ Facebook



ติดตามเรื่องราวกันต่อที่ Facebook

Saturday, April 18, 2015

จุดเริ่มต้น

เด็กที่เกิดมาทุกคนเป็นเด็กที่น่ารัก น่าชัง ไม่ว่าพวกเขาทำอะไร ก็สามารถเพิ่มรอยยิ้มให้ทุกคนที่เห็นได้
ฉันก็เป็นคนนึงที่เหมือนแม่ทุกๆท่าน ที่ถนุถนอมลูกน้อยของตัวเองได้เป็นอย่างดี พอถึงวัยที่เขาสามารถทำอะไรได้ ฉันก็จะลองภูมิลูกโดยการให้เขาก้าวข้ามขั้นไปหนึ่งก้าว ครั้งที่เขาทำได้ เป็นที่แน่นอนว่าฉันดีใจอย่างมาก ครั้งที่ทำไม่ได้ก็ไม่เคยเสียใจ กลับเพิ่มความเข้าใจในตัวลูกมากขึ้นไปอีก ช่วงที่ลูกอายุได้ 2ปี มีความรู้สึกว่าอยากให้ลูกได้ไปโรงเรียน มีเพื่อนเล่น เจอคนใหม่ๆ และอยากให้เขาพูดคุยมากขึ้น แต่ที่อเมริกาเขาไม่นิยมนำลูกเข้าโรงเรียนในช่วงอายุนี้ ในช่วงนั้นเขาจะเอาอะไรเขาก็ชี้หรือพูดเป็นคำ บางทีก็พูดบ้างบางทีก็เหมือนใจลอยไม่พูดจา อย่างเช่น บอกให้เขาบอก ไฮ กับคุณพ่อ บางทีก็พูด บางทีก็ไม่ ตอนที่ไม่ เหมือนเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น อยากให้เขานั่งนิ่งเล่นของเล่น เขากลับวิ่งไปมาทั้งวี่วัน ไม่ค่อยมีของเล่นอะไรที่เขาเล่นได้จริงๆจัง ส่วนมากจะเอามาจ้องดู เหวี่ยงไปมา หรือหมุนรอบๆ ส่วนตัวฉันเองก็ไม่อยากปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเขาไม่อยากเล่น เรามานั่งเรียนหนังสือก็แล้วกัน ฉันเลยเริ่มสอนหนังสือเขา ในตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร จึงทำการศึกษา การสอนเด็กเล็ก เน้นวิชาความรู้ เพราะลูกไม่ชอบเล่น จึงจัดตารางและทฤษฏีขึ้นมาให้เหมาะสมกับลูกโดยเริ่มจากการ ร้องเพลงต่างๆเช่น abc, itchy bitsy spider, row row your boat, ฯลฯ พอเห็นว่าเขาเริ่มชอบ ฉันก็ให้เขาดูภาพหรือตัวหนังสือประกอบไปด้วย แต่จะให้เป็นทีละนิดๆ เพราะกลัวว่าเขาจะเบื่อ แล้วจะกลายเป็นไม่ชอบการเรียนแบบนี้ไป หลังจากนั้น ฉันสังเกตุได้ว่าลูกชอบตัวหนังสือ ชอบดูรูปภาพ และชอบดนตรี เขาเริ่มร้องเพลงเองแต่ฟังไม่ค่อยออกว่าร้องอะไร บางทีฉันพิมพ์เนื้อเพลงออกมา พิมพ์ตัวใหญ่ๆ แรกๆพิมพ์สีแดง หลังๆเห็นว่าเขาอ่านได้ ก็เปลี่ยนมาเป็นสีดำและเล็กลง ตอนเขาอายุได้ 2ปีครึ่ง เขาสามารถอ่านคำได้หลายคำ น่าจะประมาณ40คำ ถึงแม้ว่าเขาจะอ่านได้เก่งแค่ไหน แต่การพูดคุยยังไม่ค่อยคืบหน้าเสียเท่าไร ฉันเลยคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่เขาควรจะไปโรงเรียนเสียที พอได้ไปโรงเรียน ปัญหาหลายต่อหลายอย่างก็เข้ามา ฉันจึงตัดสินใจเอาลูกออกจากโรงเรียนครึ่งปีแล้วจัดหาโรงเรียนที่เหมาะสมกับเขา เวลาครึ่งปีนี้ฉันทำจะทำทุกอย่างให้เขาสามารถกลับเข้าไปในโรงเรียนได้อย่างไม่มีปัญหา ฉันตัดสินใจเรียนประกาศณียบัตรศึกษาเกี่ยวกับการสอนในแบบฉบับการบำบัดด้านพฤติกรรมแบบประยุกต์ ABA (Applied Behavior Analysis) เพราะฉันคิดว่าการบำบัดด้านนี้จะช่วยส่งเสริมพฤติกรรมที่เหมาะสมให้คงอยู่ต่อเนื่อง หยุดพฤติกรรมที่เป็นปัญหาและสร้างพฤติกรรมใหม่ที่ต้องการได้ถูกต้อง ประกอบกับการค้นคว้าการสอนในหลายรูปแบบที่ฉันนำมาดัดแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับการสอนลูกของฉัน การเรียนการสอนในส่วนมากที่ฉันเลือกมาใช้นั้นจะเน้นในด้านระบบสัมผัสและการเรียนรู้ที่ไม่มีขอบเขตจำกัด และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของ "รักษาลูกออทิสติก"

วิธีรักษาโรคออทิสซึ่ม
ของเล่นสำหรับเด็กออทิสติก
ติดตามเรื่องราวกันต่อที่ Facebook