ความเป็นมาของ รักษาลูกออทิสติก

ตอนที่ฉันตัดสินใจพิมพ์บทความนี้ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากแต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆเพราะโดยส่วนตัวไม่เคยบอกใครเลยว่าลูกของเรามีปัญหา แต่เมื่อได้ลองลงไม่กี่ข้อความก็เริ่มมีคนสนใจ พอเริ่มมีคำถามเข้ามาที่อินบล็อกก็รู้สึกได้ถึงแรงบัลดาลใจของคุณผู้ปกครองแต่ละคนที่ต้องการทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกของตน เพียงแต่ว่าพวกเขายังไม่มั่นใจถึงวิธีและแนวทาง ฉันจึงตัดสินใจอยากทำให้เต็มที่ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือทุกๆคนที่ต้องการ ทุกๆข้อมูลที่ฉันลงเป็นสิ่งที่ฉันลองมาแล้วกับลูกของฉันและได้ผลลัพธ์ที่ดีจึงนำมาเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อื่น แต่แน่นอนคนทุกคนแตกต่างกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อาจจะแตกต่างกันไปได้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้น ฉันจึงมักจะพูดกับตัวเองว่าอย่าคาดหวังสูงแต่พยายามทำให้เต็มที่และความคาดหวังเหล่านั้นก็จะตามมาเอง
ลงมาตั้งหลายข้อความแล้วยังไม่ได้มีโอกาศแนะนำตัวกันเลย ฉันชื่อทิพ เกิดและโตที่กรุงเทพฯ ฉันตั้งใจว่าจะเรียนภาษาในอเมริกา 2ปีแล้วกลับไปเป็นครูสอนภาษาที่ประเทศไทย แต่กลับพลัดหลงในหลุมพรางของความรักจนกระทั่งในปัจจุบันมีลูก 2คน ตอนท้องลูกคนแรก มีความตั้งใจว่าจะกลับไทยไปสานฝันที่จะเป็นครูตอนลูกอายุสัก 5ปี แต่พอมารู้ว่าลูกอาจจะมีปัญหา ความฝันนั้นก็ต้องเบี่ยงเบนมาเป็นครูของลูกเอง
ฉันเริ่มจากศึกษาหาข้อมูลความเป็นไปได้ของปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามันคืออะไร ฉันพบว่าในสมัยก่อน พวกเราเรียกคนออทิสติกว่าพระเจ้า เพราะความสามารถที่หยั่งไม่ถึงของคนธรรมดา ทำให้พวกเขาเหมือนมีพลังพิเศษที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าใจได้ แต่มาสมัยนี้จากหลักฐานทางการวิทยาศาตร์พบว่า คนเหล่านี้ก็คือคนปกติธรรมดานี่เอง เพียงแค่ว่าพวกเขาแตกต่างจากคนกลุ่มใหญ่ แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาผิด ความแตกต่างของพวกเขาไม่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว มันไม่แน่ว่าอีกหลายต่อหลายปีงข้างหน้าพวกเราอาจจะค้นพบว่าคนที่ถูกคือคนกลุ่มออทิสติกซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย ไม่ใช่คนกลุ่มใหญ่ก็เป็นได้
ฉันค้นคว้าหาข้อมูลของการรักษา (อืม...มาถึงตรงนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า สิ่งที่ฉันทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่การรักษาให้หายจากโรคออทิสติก แต่เป็นการฝึกฝนที่ช่วยให้ลูกสามารถใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับคนอื่นได้ด้วยดี แต่เหตุผลที่ฉันใช้คำว่า 'รักษาลูกออทิสติก' นั้นเพราะมันตรงประเด็นและได้ใจความถึงสิ่งที่หลายคนกำลังเสาะหาเพื่อช่วยลูกหรือคนใกล้ชิดของตนเอง) จนมาเจอระบบพฤติกรรมบำบัดประยุกต์ ABA (Applied Behavior Analysis) ฉันตัดสินใจสมัครเรียนจนได้ใบประกาศนียบัตร และนำความรู้ตรงนั้นมาฝึกฝนกับลูกของตัวเอง โดยใช้พื้นฐานระบบการสอนจากประสบการ์ณการเป็นครูและครูผู้ช่วยโดยตรงมาใช้ในการวางระบบระเบียบในการสอน อีกทั้งฉันได้นำความสนใจส่วนตัวในระบบการสอนของมอนเทสเซอรรี่ Montessori มารวมกับการฝึกของลูกครั้งนี้ด้วย
ฉันเลือกพฤติกรรมบำบัดประยุกต์ เพราะมันเป็นวิธีบำบัดที่สามารถดัดแปลงให้เหมาะสมกับเด็กที่แตกต่างกันไปในรูปแบบต่างๆ วิธีนี้ไม่เพียงแต่บำบัดในส่วนที่เด็กบกพร่อง(จริงๆแล้วควรจะพูดว่า ส่วนที่พวกเราคิดว่าเด็กบกพร่อง) ให้เป็นส่วนที่เด็กสามารถเข้าสังคมได้ด้วยตัวเอง ทั้งแล้วยังเน้นในเรื่องของการจัดการของพฤติกรรมให้เป็นพฤติกรรมที่เหมาะสม เพื่อให้เด็กเตรียมพร้อมกับสถานการ์ณจริงที่เขาจะต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน
พฤติกรรมบำบัดประยุกต์เป็นวิธีฝึกสอนสำหรับคนทุกอายุที่ไม่สามารถทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงอายุที่เขาเหมาะสมกับการทำสิ่งนั้น เช่น อายุ 7ปี ไม่สามารถผูกเชือกรองเท้าได้ วิธีสอนเป็นวิธีที่ไม่ตายตัวมันมุ่งสอนในสิ่งที่คนเรียนขาดหาย เช่น สอนผูกเชือกรองเท้า คนเรียนคนแรกมีทักษะในการใช้มือและนิ้วคล่องแคล่ว จึงเริ่มสอนจากให้เขาทำห่วงทั้งสองข้าง แต่กลับคนที่สองไม่มีทักษะพอ จึงเริ่มสอนจากให้เขาจับเชือกสองมือ
คนที่สอนพฤติกรรมบำบัดประยุกต์นั้นต้องเป็นคนที่ใจเย็นและเข้าใจในตัวผู้เรียน ฉันเองที่มีหลายครั้งโมโห หงุดหงิด และไม่เข้าใจ ฉันถามตัวเองอยู่เสมอว่า "ทำไม ทำไม" แต่มันไม่เคยได้คำตอบกลับมาเลย ทุกครั้งที่ฉันอยู่ในอารมณ์แบบนี้ ฉันบอกลูกให้มานั่งใกล้ๆ กอดเขาไว้ แล้วทดแทนคำพูดนั้นว่า "รัก รักลูกคนนี้" จากจุดนั้นทำให้ฉันเข้าใจในตัวเขามากขึ้นทีละนิดๆ บางครั้งมันทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันสือสารกับเขามากกว่าคำพูด มันเป็นความคิดและความรู้สึกที่ฉันอธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร มันเหมือนเขามีพลังพิเศษที่สอนฉันให้เรียนรู้ถึงสิ่งที่เขาต้องการให้ฉันรู้
ขอวกกลับมากับประสบการ์ณการเป็นครูของฉัน ฉันใฝ่ฝันมาตลอดที่จะเป็นครู เมื่อฉันเรียนมหาวิทยาลัยกรุงเทพปี2 ฉันได้มีโอกาศทำงานเป็นครูผู้ช่วยที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งย่านวิภาวดีรังสิต ในตอนนั้นเหมือนฉันเดินใกล้ความฝันมาก้าวใหญ่ พอฉันจบการศึกษาฉันก็มุ่งหน้าไปที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งและได้เป็นครูสอนเต็มตัว ฉันทำได้ไม่นานก็รู้ตัวว่าความรู้ของฉันนั้นมันน้อยนิด ฉันทำงานนี้ได้ไม่เต็มที่อย่างที่ฉันต้องการ ฉันจึงตัดสินใจศึกษาต่อที่อเมริกาและหวังว่าจะได้ใช้ความรู้ทั้งหมดที่หามาได้สานฝันของตัวเอง แต่เมื่อบางสิ่งมันพลิกพลันกลับกลายมาเป็นครูคนแรกของลูก ฉันก็ไม่เคยเสียใจเลย ฉันคิดว่าทุกอย่างมันคงกำหนดมาแล้ว สิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้คือ ทำให้ดีที่สุด
ฉันมีความสนใจในการสอนแบบมอนเทสเซอรรี่ เพราะมันเป็นระบบที่ไม่มีขอบเขตจำกัดในการเรียนรู้ของเด็ก จากที่ฉันทำการค้นคว้าเด็กที่มีปัญหาในการพูด เช่น พูดช้า ไม่พูด ไม่ค่อยพูด นั้น เป็นเด็กที่คิดมากกว่าพูด พวกเขามองโลกในมุมที่แตกต่างไปจากคนกลุ่มใหญ่ โลกของพวกเขาไม่มีขีดจำกัดจนกระทั่งพวกเราไปจำกัดเขา ฉันจึงนำระบบนี้มาผสมกับพฤติกรรมบำบัดประยุกต์เพื่อให้เขามีจุดที่เป็นตัวของตัวเอง เรียนรู้และเข้าใจสิ่งบางสิ่งด้วยตัวของตัวเอง และก้าวกระโดดไปกับสิ่งที่เขาสนใจ
สุดท้ายนี้ฉันขออภัยในความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยประการใดใดทั้งปวง ฉันยินดีรับคำแนะนำ ติชม ทั้งในข้อความและคอมเม้นท ฉันหวังว่าบทความของฉันจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านไม่มากก็น้อย


วิธีรักษาโรคออทิสซึ่ม
ของเล่นสำหรับเด็กออทิสติก
กดชอบที่ Facebook เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมและ ABA รายสัปดาห์

No comments :

Post a Comment